ภาษี ทรัมป์ส่งผลกระทบต่อกระเป๋าสตางค์ของชาวอเมริกันมากกว่าที่คิด นโยบายทางการค้าที่เคยเป็นประเด็นร้อนแรง กำลังถูกจับตาในฐานะตัวการสำคัญที่ทำให้ราคาสินค้าหลายชนิดอ่วมหนักขึ้น จนกลายเป็นภาระค่าครองชีพที่ท้าทาย

ในยุคที่ค่าครองชีพทุกหย่อมหญ้าดูเหมือนจะสูงขึ้นราวกับติดจรวด ชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อยกำลังกุมขมับกับบิลค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าใจหาย ท่ามกลางปัจจัยหลายประการที่ถาโถมเข้ามา หนึ่งในนั้นที่ถูกจับตามองและถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอย่างต่อเนื่องคือ ภาษีทรัมป์
นโยบายทางการค้าที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นเครื่องมือปกป้องเศรษฐกิจในประเทศ กำลังถูกตั้งคำถามถึงผลกระทบที่แท้จริงต่อกระเป๋าสตางค์ของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อราคาสินค้าในชีวิตประจำวันที่ดูเหมือนจะหนักขึ้นทุกวัน
ผลกระทบวงกว้าง จากนโยบายภาษีนำเข้าของทรัมป์

นโยบายการค้าต่างประเทศที่แข็งกร้าวของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ได้กลับมาสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่อีกครั้ง โดยการเดินหน้านโยบายการค้าเชิงรุกที่มุ่งเน้นการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากนานาประเทศทั่วโลก นโยบายดังกล่าวประกอบด้วยมาตรการสำคัญสองส่วน
Baseline Tariffs ซึ่งเป็นการปรับขึ้นภาษีศุลกากรในอัตรา 10% ที่มีผลบังคับใช้กับสินค้าจากทุกประเทศ และมาตรการที่สร้างความกังวลมากยิ่งกว่าอย่าง Reciprocal Tariffs หรือภาษีศุลกากรแบบต่างตอบแทน ซึ่งอาจทำให้ประเทศคู่ค้าต้องเผชิญกับภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ตั้งแต่ 10% ไปจนถึงอัตราสูงสุดที่น่าตกใจถึง 145% ในการนำสินค้าเข้าสู่ตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา
ทรัมป์ระงับภาษีชั่วคราว เปิดทางเจรจา แต่จีนยังถูกกดดัน
สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้หลายประเทศทั่วโลกต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยประเทศไทยเองก็ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงถึง 36% อย่างไรก็ตาม ประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดคือ จีน ซึ่งถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่พุ่งสูงถึง 145% ซึ่งเป็นผลมาจากการตอบโต้ทางการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจนี้
แม้ว่าเดิมทีมาตรการ Reciprocal Tariffs จะมีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน 2568 แต่ล่าสุด ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ตัดสินใจระงับการขึ้นภาษีดังกล่าวออกไปเป็นการชั่วคราวเป็นระยะเวลา 90 วัน
โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ 75 ประเทศและเขตดินแดน ซึ่งรวมถึงประเทศไทย ได้มีโอกาสเจรจาต่อรองทางการค้ากับสหรัฐอเมริกา ภายใต้หลักการที่ว่า “ไม่ตอบโต้ เราจึงตอบแทน” ซึ่งหมายความว่า หากประเทศใดไม่มีการตอบโต้มาตรการทางการค้าของสหรัฐอเมริกา ก็อาจได้รับการยกเว้นหรือผ่อนปรนอัตราภาษีดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ข้อยกเว้นดังกล่าวไม่ได้ครอบคลุมถึงประเทศจีนแต่เพียงผู้เดียว เนื่องจากจีนได้ดำเนินมาตรการตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สหรัฐฯ ประกาศเพิ่มอัตรา ภาษี ต่อสินค้าจากจีนขึ้นไปที่ระดับ 145% จากเดิมที่เริ่มต้นในอัตรา 34% ณ วันที่มีการประกาศมาตรการครั้งแรก และมีการปรับขึ้นเป็นระยะๆ ตามการตอบโต้ทางการค้าระหว่างทั้งสองฝ่าย
พิษภาษีนำเข้าทรัมป์ ของกินของใช้ในอเมริกาเตรียมแพงขึ้น


สิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือ ผลกระทบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จากนโยบายภาษีนำเข้าที่ปรับตัวสูงขึ้นนี้ จะส่งผลโดยตรงต่อผู้บริโภคชาวอเมริกันเอง เนื่องจากสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวนมากในสหรัฐฯ พึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ เมื่อต้นทุนด้านภาษีเพิ่มสูงขึ้น ราคาสินค้าเหล่านั้นก็จะถูกบวกเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เรียกได้ว่า ของกินของใช้หลายอย่างจะแพงขึ้น อย่างแน่นอน
เพื่อให้เห็นถึงผลกระทบที่ใกล้ตัว วันนี้เราได้รวบรวมตัวอย่างสินค้าในชีวิตประจำวันที่ชาวอเมริกันอาจต้องเตรียมใจเผชิญกับราคาที่พุ่งสูงขึ้นหลังจากนี้กันครับ
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
คาดการณ์ราคาเพิ่มขึ้นอย่างมาก ตั้งแต่ 26% ถึง 145% สินค้าหลากหลายประเภท เช่น iPhone, Mac, ผลิตภัณฑ์ Samsung และ Nintendo Switch ซึ่งมีฐานการผลิตหลักอยู่ในประเทศต่างๆ เช่น จีน อินเดีย ไต้หวัน ไทย และเกาหลีใต้ จะได้รับผลกระทบโดยตรง
เสื้อผ้า
ราคาเสื้อผ้าจากแบรนด์ดังต่างๆ เช่น Target, H&M, Gap, Old Navy, Banana Republic และ Athleta ที่มีฐานการผลิตในจีนและเวียดนาม อาจปรับตัวสูงขึ้นถึง 46% ถึง 145%
กาแฟ
คอกาแฟชาวอเมริกันอาจต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นสำหรับกาแฟแก้วโปรด เนื่องจากกาแฟที่นำเข้าจากประเทศผู้ผลิตรายใหญ่อย่างบราซิล โคลอมเบีย และเวียดนาม อาจมีราคาสูงขึ้นระหว่าง 10% ถึง 46%
รองเท้ากีฬา
แบรนด์ยอดนิยมอย่าง Adidas และ Nike ซึ่งมีฐานการผลิตหลักในเวียดนาม จีน และบังคลาเทศ อาจมีราคาสูงขึ้นถึง 37% ถึง 145%
รถยนต์
ผู้ที่กำลังวางแผนซื้อรถยนต์ที่ไม่ใช่รถยนต์ที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาจะต้องเผชิญกับราคาที่สูงขึ้นถึง 25% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรถยนต์จากหลากหลายค่าย เช่น Toyota, Honda, Mazda และ Hyundai เป็นต้น
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ / ไวน์ / เบียร์ / สุรา
เครื่องดื่มนำเข้าจากยุโรปเป็นส่วนใหญ่ อาจมีราคาสูงขึ้นประมาณ 20%
เครื่องดื่มบรรจุกระป๋อง
การปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจะส่งผลให้เครื่องดื่มบรรจุกระป๋องมีราคาสูงขึ้นราว 25%
นอกจากนี้ สินค้าเสื้อผ้าและของใช้ราคาถูกจากแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดังอย่าง Shein และ Temu ก็มีแนวโน้มที่จะมีราคาสูงขึ้นอย่างมาก จากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ปรับขึ้นภาษีสินค้าราคาถูกจากจีนที่ส่งทางไปรษณีย์เข้าสู่สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าจากเดิม ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2568 โดยอัตราภาษีใหม่นี้อาจสูงถึง 90%
สรุป

นโยบายการค้าที่แข็งกร้าวและการปรับขึ้น ภาษี นำเข้าของสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังก่อให้เกิดความท้าทายอย่างมากต่อระบบการค้าโลก และส่งผลกระทบโดยตรงต่อกระเป๋าเงินของผู้บริโภคชาวอเมริกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การจับตาดูสถานการณ์การเจรจาต่อรองทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าต่างๆ รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงต่อราคาสินค้า จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจและมีความสำคัญอย่างยิ่งในระยะเวลาอันใกล้นี้
เพิ่มพลังให้ทุกการลงทุน พบกับโปรโมชั่นหลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ของคุณ ไม่ว่าคุณจะสนใจในการลงทุนรูปแบบใด หรือต้องการความบันเทิงจาก คาสิโนออนไลน์ เราก็มีข้อเสนอที่น่าสนใจ ตั้งแต่โบนัสแรกเข้าสุดพิเศษ ไปจนถึงเครดิตฟรีที่มอบให้แบบไม่มีกั๊ก ลงทะเบียนวันนี้ รับทันทีโบนัส 1000 บาท เพียงใส่โค้ด DW338