KUBET พาไปดูเรื่องราวประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน WSOP ต่อจาก Part1 จากความเงียบเหงาสู่วันแห่งความรุ่งโรจน์ที่มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปรับชมต่อกันเลย
ประวัติศาสตร์ WSOP
ผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์
เมื่อนักโป๊กเกอร์จอมโหดอย่าง Stu Ungar เจ้าของฉายา “The Kid” ได้ระเบิดฟอร์มไพ่โป๊กเกอร์โดยการคว้าชัยชนะการแข่งขัน World Series of Poker ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์
อีกทั้งยังสามารถล้มแชมป์เก่าอย่าง Amarillo Slim ในปี 1980 รายการ Super Bowl of Poker Main Event และชนะ Doyle Brunson ในกิจกรรมหลักอีกด้วย
ต่อมาเขายังรักษาตำแหน่งได้สำเร็จอีกครั้งโดยเอาชนะ Perry Green ในปี 1981
สตู อันการ์ ยังเป็นหนึ่งในผู้เล่นสี่คนในประวัติศาสตร์โป๊กเกอร์ที่คว้าแชมป์ติดต่อกันใน WSOP Main Event ร่วมกับJohnny Moss , Doyle Brunson และ Johnny Chan
ติดตามข่าวสารโป๊กเกอร์จากทั่วทุกมุมโลกได้ที่เว็บไซต์ KUBET
การเติบโตที่แสนเจ็บปวด
ในช่วงทศวรรษ 1980 Jack Binion ได้รับหน้าที่ในการบริหารคาสิโนต่อจาก Benny Binion พ่อของเขา โดยหลังจากที่เขาได้มาดูแลต่อแนวคิดเรื่องดาวเทียมก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1983
ซึ่งเป็นแนวคิดที่น่าสนใจและดึงดูดผู้คนได้อย่างมาก โดยแชมป์เปี้ยนผู้ชนะเลิศอันดับหนึ่งจะมีโอกาสได้แข่งขันกับผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลก ในการถ่ายทอดสดที่มีผู้ชมทั่วโลก
WSOP ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทว่า Benny ราชาผู้ยิ่งใหญ่ผู้บุกเบิกโลกโป๊กเกอร์ได้เสียชีวิตลงในช่วงเทศกาลคริสต์มาสปลายปี 1989 ด้วยวัย 85 ปี
ติดตามข่าวสารโป๊กเกอร์จากทั่วทุกมุมโลกได้ที่เว็บไซต์ KUBET
การจากไปของเบนนี่แทบไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจใดๆทั้งสิ้น แจ็คได้เข้ามาควบคุมกิจการทั้งหมดในฐานะลูกชาย และต่อยอดการแข่งขันโป๊กเกอร์ WSOP ต่อไป โดยเขาได้นำหุ้นส่วนอีกสองคนอย่าง Jim Albrecht และ Jack McClelland เข้ามาช่วยจัดการบริหารงานกิจกรรมการแข่งขัน
ไม่นานสองคู่หูก็กลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญทัวร์นาเมนต์ที่กินเวลานานที่สุดถึงสี่สัปดาห์และรวมถึงทัวร์นาเมนต์อื่นๆอีก 20 รายการ ซึ่งยังคงเพิ่มความหลากหลาย
โดยการอนุญาตให้ผู้หญิงและผู้เล่นจากต่างประเทศเข้าร่วมการแข่งขันมากขึ้น และในปี 1990 ก็กลายเป็นปีแรกที่แชมป์โป๊กเกอร์ไม่ใช่ชาวอเมริกัน แต่เป็นชาวต่างชาติที่เกิดในประเทศอิหร่านและอาศัยอยู่ในอังกฤษอย่าง Mansour Matloubi
ในปีต่อมา WSOP ได้ปรับเปลี่ยนรางวัลเงินสดมูลค่าหนึ่งล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก ซึ่งกิจกรรมหลักนี้ยังคงดึงดูดผู้เล่นได้มากกว่าสองร้อยคนเป็นครั้งแรกในระยะเวลา 5 ปี
Moneymaker หนึ่งในประวัติการณ์
Chris Moneymaker นักโป๊กเกอร์ผู้ได้รับรางวัล World Series of Poker 2003 และเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปอย่างสิ้นเชิง ชัยชนะในครั้งนั้นของเขาได้ทำลายแนวทางการมองเกมแบบเดิมๆ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่ที่มีผลบังคับใช้จนถึงในปัจจุบัน ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ 38 ปีของ WSOP
โป๊กเกอร์ได้ผ่านเข้าสู่ยุคใหม่หลังจากชัยชนะของ Moneymaker ในชั่วข้ามคืน ทำเงินรางวัลไปได้สูงถึง 2.5 ล้านดอลลาร์ ทำให้ผู้เล่นโป๊กเกอร์มืออาชีพหลายคนกลายเป็นคนดัง และจู่ๆ ก็มีผู้เล่นหน้าใหม่หลายคนให้ความสนใจเกี่ยวกับโป๊กเกอร์ ดึงดูดสาธารณชน เวิลด์ซีรีส์กลายเป็นดินแดนมหัศจรรย์แห่งใหม่ในที่สุด
ในปีต่อมา Greg Raymer ผู้เล่นโป๊กเกอร์มือสมัครเล่นก็ตกถังข้าวสารได้รับรางวัลไปถึง 5 ล้านเหรียญสหรัฐ และ ในปี 2005 ถูกทำลายสถิติเงินรางวัลสูงสุดด้วย Joe Hachem ทำไปถึง 7.5 ล้านดอลลาร์ และเกทับไปอีกครั้งด้วยฝีมือของ Jamie Gold ในปี 2006 ที่เขาชนะและคว้าเงินรางวัลไปสูงถึง 12 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นจำนวนเงินที่สูงที่สุดในช่วงเวลานั้น อย่างที่ไม่มีใครทำได้มาก่อน
ติดตามข่าวสารโป๊กเกอร์จากทั่วทุกมุมโลกได้ที่เว็บไซต์ KUBET
HARRAH’S = ธุรกิจ
ด้วยการเติบโตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย Horseshoe ของ Binion ถูกขายต่อในปี 2004 และ Harrah’s Entertainment ได้รับสิทธิ์ในการแข่งขัน World Series of Poker อย่างเป็นทางการ
ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่บริษัทเกมยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลกได้เข้ามาดูแลการแข่งขันโป๊กเกอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยพวกเขามีคติประจำใจคือ “Build it and they will come” หรือหมายถึง “ลงมือทำไปก่อนแล้วความสำเร็จจะตามมาเอง”
ในปี 2005 WSOP ได้ถูกย้ายไปจัดงานที่ RIO All-Suites Casino and Hotel ที่มีพื้นที่ในการเล่นเกมที่มากขึ้น สามารถเพิ่มทัวร์นาเมนต์เพิ่มเติมในกำหนดการได้ ผู้เล่นหลายพันคนหลั่งไหลเข้ามาสู่ลาสเวกัสในเวลาต่อมา เกินกว่าที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้
ในปี 2006 พวกเขาได้จัดการแข่งขันโป๊กเกอร์ทัวร์นาเมนต์ทั้งหมด 45 รายการ โดยทั้งหมดจะมอบสร้อยข้อมือทองคำให้แก่ผู้เล่นที่ชนะเลิศอันดับหนึ่ง รับเงินรางวัลมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ทำให้ WSOP เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในกีฬาทุกประเภท
โดยในงานปีนั้น Jamie Gold คือผู้ที่เอาชนะผู้เล่นจากทั้งหมด 8,772 คนและคว้าเงินรางวัลกว่า 12 ล้านดอลลาร์ไปครอง ถือเป็นผู้ที่ชนะสนามที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โป๊กเกอร์
ในปัจจุบันการแข่งขันโป๊กเกอร์ World Series of Poker ได้กลายมาเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่ครอบคลุมไปทั้งลาสเวกัส จากทัวร์เล็กๆที่ไม่มีผู้สนับสนุนและต่างถูกปฏิเสธ กลายเป็นทัวร์ที่ยิ่งใหญ่ ที่มีแต่องค์กรใหญ่ๆเข้าหาและต้องการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งบริษัทเบียร์ ผู้ผลิตรถยนต์ รวมไปถึงธุรกิจอื่นๆอีกมากมาย
น่าเหลือเชื่อที่ความสำเร็จของ World Series of Poker จะเฟื่องฟูและดำเนินมายาวอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน
และนี่ก็คือเรื่องราวประวัติศาสตร์ของ WSOP ที่ KUBET เรียบเรียงมาให้คุณ สามารถติดตามข่าวสารโป๊กเกอร์ทั้งหมดผ่านทางเว็บไซต์ สำหรับผู้เล่นมือใหม่ที่ชื่นชอบการเล่นโป๊กเกอร์และมีความใฝ่ฝันบนเส้นทางทัวร์นาเมนต์แห่งนี้ สามารถเข้ามาศึกษาวิธีการเล่นเกมกีฬาไพ่หลากหลายชนิดได้ที่เว็บไซต์คาสิโนออนไลน์ของเคยูเบท พร้อมทำกำไรต่อเนื่องอย่างมหาศาลได้แล้วที่นี่ สมัครสมาชิกเลย!