สินทรัพย์อะไร? ที่คนไทยควรมีเก็บไว้ในปี 2025 เรียกได้ว่าในยุคสมัยนี้ การลงทุน ต่างๆและการจัดการเงินเป็นเรื่องจำเป็นมากๆโดยเราได้รวบรวมสิบอันดับที่คุณควรมี(แล้วแต่ความสามารถในด้านการเงิน)จากความเสี่ยงต่ำไปถึงความเสี่ยงสูงจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลยครับ
จัดอันดับสินทรัพย์ที่ควรมี 2025
จัดอันดับสินทรัพย์ที่ควรมี 2025 เริ่มจากความเสี่ยงต่ำที่สุดจนไปถึงความเสี่ยงมากที่สุด ซึ่งแต่ละคนรับความเสี่ยงนี้ไม่เท่ากันอยู่แล้ว ซึ่งไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจแบบไหนก็ตาม เราควรบริหารจัดการ “การเงิน” ของตัวเองให้ดี เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงในชีวิตของตัวเอง ยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวนมาก การฝากธนาคารอย่างเดียวเพื่อกินดอกเบี้ยอาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันนัก แต่ก่อนจะนำเงินที่มีไปลงทุนเพื่อให้งอกเงยขึ้นมา จำเป็นต้องรู้จักสินทรัพย์ประเภทต่างๆให้ดีเสียก่อน
1.) เงินสด (ความเสี่ยงต่ำสุด)
แม้การถือเงินสดอาจมีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในสินทรัพย์อื่นในกรณีที่คุณไม่ทำหายหรือถูกขโมยไปเสียก่อน แต่การจะถือเงินสดโดยฝากธนาคารเพียงอย่างเดียวคงไม่คุ้มค่า ด้วยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยประมาณ 3% ต่อปี อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือค่าของเงินสดที่คุณฝากไว้ในบัญชีนั้นจะลดน้อยลงไปเองทุกปีๆ
2.) เงินฝากประจำ (ความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนน้อย 0.5%)
หลายคนขยับจากการฝากธนาคารในบัญชีออมทรัพย์ปกติ มาเป็นการฝากประจำที่มีกำหนดตามแต่ละรูปแบบของธนาคารอาจจะฝากทุก 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน หรือ 24 เดือน ก็แล้วแต่โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือคุณไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ก่อนกำหนด จึงจะได้รับดอกเบี้ยในอัตราตามที่ตกลงไว้ ซึ่งส่วนใหญ่ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยที่ได้ถือว่าน้อยประมาณ 0.5% เท่านั้น
3.) สลากออมสิน / ธ.ก.ส. (ความเสี่ยงต่ำ)
อีกรูปแบบของการลงทุนในลักษณะการออมเงิน เป็นผลิตภัณฑ์การออมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย เนื่องจากเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาเงินต้นและได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน โดยมีรูปแบบและอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันไปสลากออมสินเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกโดยธนาคารออมสิน มีหลากหลายประเภทให้เลือก เช่น สลากออมสิน 2 ปี, 3 ปี, 5 ปี เป็นต้น จุดเด่นของสลากออมสินคือ ดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝาก , มีโอกาสถูกรางวัล และความปลอดภัยใน การลงทุน นั่นเอง
4.) พันธบัตร/หุ้นกู้ (ความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนไม่มากไม่น้อย)
พันธบัตรออกโดยหน่วยงานรัฐบาล อัตราผลตอบแทนประมาณ 1-3% ถ้าเป็นพันธบัตรที่ออกโดยเอกชนจะเรียกว่าหุ้นกู้ผลตอบแทน 3-5% ซึ่งมีระยะเวลากำหนดการไถ่ถอนที่แน่นอน ทั้งนี้ ความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลจะมีมากกว่า ความเสี่ยงน้อยกว่า ทำให้ดอกเบี้ยที่ได้รับก็อัตราน้อยกว่าพันธบัตรเอกชนไปด้วย ฉะนั้น ผู้ที่ต้องการผลตอบแทนที่มากกว่าจึงอาจหันไปซื้อหุ้นกู้ แต่ก็ต้องเลือกบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ดีด้วย ไม่ใช่พิจารณาแค่อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าเท่านั้น
5.) ทองคำ (ความเสี่ยงต่ำ)
ทองคำถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่มั่นคงและมีความเสี่ยงต่ำมาอย่างยาวนาน โดยหลายคนนิยมนำทองคำมาเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงและรักษาเงินทุนในช่วงที่ตลาดผันผวน มูลค่าของทองคำมักจะเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ ทำให้ทองคำเป็นเหมือนกำแพงป้องกันเงินของคุณจากการสูญเสียมูลค่าในช่วงที่เศรษฐกิจไม่มั่นคง หรือเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงิน ทองคำมักจะเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนหันมาสนใจ เนื่องจากมูลค่าของทองคำมักจะเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเช่นนี้
6.) กองทุนรวม (ความเสี่ยงปานกลาง ผลตอบแทน 5-8%)
กองทุนรวม คือเครื่องมือทางการเงินที่รวบรวมเงินจากนักลงทุนหลายๆ คน มาลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ หรืออสังหาริมทรัพย์ โดยมีผู้จัดการกองทุนคอยบริหารจัดการ ทำให้การลงทุนในกองทุนรวมเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมากขึ้นซึ่งการลงทุนในกองทุนรวมช่วยกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์หลายประเภท ทำให้ลดความเสี่ยงที่จะขาดทุนจากการลงทุนในสินทรัพย์เพียงชนิดเดียวและผู้จัดการกองทุนที่มีความรู้และประสบการณ์จะคอยวิเคราะห์และบริหารพอร์ตการลงทุนให้อีกด้วย
7.) หุ้น (ความเสี่ยงสูง ผลตอบแทน 5-10%)
หุ้น เป็นการขายหุ้นของบริษัทเพื่อระดมทุนมาขยายกิจการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่เข้าจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ผลตอบแทนมาจากส่วนต่างราคาหุ้นที่ซื้อหรือจากเงินปันผล อยู่ที่ระยะเวลาในการลงทุน หากลงทุนระยะสั้นก็คือได้ผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคาหุ้น ซึ่งไม่อาจการันตีว่าจะได้กำไรเสมอไป เพราะราคาหุ้นมีความเคลื่อนไหวเสมอ แต่ถ้าต้องการลงทุนระยะยาวก็คือผลตอบแทนที่ได้จากเงินปันผล
8.) ตราสารอนุพันธ์ หรือ TFEX (ความเสี่ยงสูงมาก)
คือการตกลงจะซื้อจะขายราคาสินค้าอ้างอิงล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นหุ้น อัตราแลกเปลี่ยน ทองคำ น้ำมัน สินค้าเกษตรต่าง ๆ แม้เป็นการใช้เงินไม่มากในการลงทุน แต่ความเสี่ยงสูงมากเพราะ TFEX บางประเภทอาจบังคับให้วางหลักประกันเพิ่ม ดังนั้น การลงทุน ประเภทนี้จึงเหมาะกับผู้ที่มีค้นคว้าข้อมูลมาแล้วอย่างดี
9.) อสังหาริมทรัพย์ (ความผลตอบแทนสูง)
เหมาะกับผู้ที่มีเงินก้อนใหญ่และสามารถซื้อความเสี่ยงในระยะยาวได้ เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการถือครองส่วนใหญ่ราคาที่ดินมักสูงขึ้นแต่จะปรับขึ้นมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับทำเลเป็นสำคัญ ส่วนการซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อเก็งกำไรนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพิจารณาภาวะเศรษฐกิจเพราะแม้จะได้สิทธิ์เป็นเจ้าของแต่การจะได้ผลตอบแทนอย่างที่หวังไว้อาจต้องใช้เวลาค่อนข้างนานทั้งยังต้องติดตามนโยบายภาษีสิ่งปลูกสร้างไว้ด้วย
10.) สินทรัพย์ดิจิทัล (ความเสี่ยงสูงมาก ผลตอบแทนสูง)
สินทรัพย์ประเภทนี้มีความเสี่ยงสูงก็เพราะยังถือว่าเป็นสิ่งใหม่ที่หลายคนอาจยังไม่รู้จักดีทั้งยังต้องอาศัยการติดตามข่าวสารจากทั่วโลกที่สำคัญยังเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีหน่วยงานดูแลและกำกับครอบคลุมได้ทุกสินทรัพย์ดิจิทัล ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงสูงได้ซึ่งก็มีผลตอบแทนสูงเป็นสิ่งโน้มน้าวใจ แต่ต้องยอมรับว่า ผลตอบแทนสูงนั้นก็มาพร้อมกับโอกาสการขาดทุนที่สูงเช่นกัน อีกทั้งหากเกิดความเสียหายขึ้นมา ก็ไม่สามารถเรียกร้องกับหน่วยงานใดๆได้ชัดเจนเหมือนสินทรัพย์ประเภทอื่นๆด้วย
จบไปแล้วสำหรับสินทรัพย์อะไร? ที่คนไทยควรมีเก็บไว้ในปี 2025 เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับ การลงทุน ทั้ง 10 อย่างนี้แต่จริงอย่างที่ 11 ใช้เวลาน้อยกว่าทุกอย่างคือการลงทุนในเกมเดิมพันที่คุณต้องใช้เทคนิคและหากลุ่มเข้าร่วมที่มีประสบการณ์ ดังนั้นผมขอแนะนำกลุ่มและทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับคุณ ใครสนใจก็สามารถเข้ามาเป็นสมาชิกกับเราได้เลยครับ (เพียงสมัครสมาชิกที่นี่)